5 วิธีง่ายๆ ออกแบบชีวิตให้มีความสุข ได้ด้วยตัวเอง

 วิธีง่ายๆ ออกแบบชีวิตให้มีความสุข ได้ด้วยตัวเอง



ภาพจาก: 
Alexas_Fotos/pixabay

ความไม่สบายกาย ได้พักผ่อน ก็หายเหนื่อย แต่ ความไม่สบายใจ ต้องรู้จักปล่อยวางจึงจะหาย หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "จิต เป็นนาย กาย เป็นบ่าว เพราะจิตใจที่แข็งแกร่ง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกขับเคลื่อนให้เดินหน้าต่อไปได้

  " เหนื่อยอะไรก็ได้ แต่อย่าเหนื่อยใจ

     ท้ออะไรก็ได้ แต่อย่าท้อใจ

     หมดอะไรก็หมดได้ แต่อย่าหมดกำลังใจ

ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าใจเราพร้อม ใจเราสู้ ถ้าเราหมดกำลังใจแล้วนั้น อะไรๆก็ดูเหมือนจะยากไปหมด หากใครผ่านมาและได้อ่านบทความนี้ผู้เขียนขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้ทุกคนสู้ๆ กับชีวิตต่อไปนะคะ เราชีวิตเป็นของเรา เราอยากทำอะไร อยากเป็นแบบไหน ชีวิตเราเราออกแบบได้   ด้วย วิธี ที่จะช่วยปลุกพลังในตัวเรา ให้ชีวิตที่มีความสุข แบบที่เราต้องการ

 


1. ฝึกคิดบวกเข้าไว้ ใจเราจะเป็นสุข



ภาพจาก: sweetlouise/pixabay


ฝึกตัวเราให้เป็นคนคิดบวกอยู่เสมอ คำว่า คิดบวก คือ การอยู่ในโลกของความเป็นจริง กล้าที่จะยอมรับความจริง  ไม่โกหกตัวเอง เรายอมรับในที่นี้ไม่ได้หมายความเราแพ้ แต่การยอมรับในที่นี้หมายถึง น้อมรับเพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงตัวเองต่อไป อีกมุมมองหนึ่งในการคิดบวกคือ ความเป็นไปได้ เวลาที่เราลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วไม่สำเร็จสักที เราจะเกิดความรู้สึกท้อ กังวลใจและไม่สบายใจ  จงฝึกคิดว่าทุกอย่างมีทางออกและมีความเป็นไปได้ว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็อยู่ที่ตัวเราว่าเราจะสานต่อสิ่งๆนั้นให้สำเร็จหรือไม่ ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ จงเชื่อในพลังความคิดของตัวเอง

 


2. หมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย



ภาพจาก: Free-Photos/pixabay


จงหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอ โดยการออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายของเราก็เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนให้เราทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จได้ในแต่ละวัน ถ้าเราหมั่นบำรุงรักษาและดูแลเขาอย่างดี เขาก็จะตอบแทนเราด้วยสมรรถนะร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง แข็งแกร่งและพร้อมลุยทุกที่และทุกสถานการณ์  ถ้าสุขภาพร่างกายแข็งแรง เราสามารถไปได้ทุกที่ที่เราอยากไป ทำในสิ่งที่เราอยากทำ และสามารถเป็นที่พึ่งให้คนอื่นๆได้ กายพร้อม ใจพร้อม  ทำอะไรก็ทำได้

 

3. ฝึกจิตใจให้สงบ



ภาพจาก: Juuucy/pixabay


ความใจร้อน,วู่วาม, หงุดหงิด เกิดจากตัวเราเองที่มีจิตไม่นิ่ง ไม่สงบ เรากำลังมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับตัวเอง ไม่ได้เกิดจากคนอื่น เราหงุดหงิดคนอื่น เพราะคนอื่นฟังเราไม่รู้เรื่อง ทำให้เราใจร้อนและอารมณ์รุนแรง เรากำลังนั่งโทษคนอื่น โดยไม่ได้มองตัวเราเอง ว่าเราเองนั่นแหละที่กำลังมีปัญหา ไม่ใช่ใครเพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องแก้ไขเราต้องแก้ไขที่ตัวเรา โดยการฝึกจิตใจให้สงบนิ่ง ฝึกนั่งสมาธิวันละ 5-10 นาที นั่งภาวนาคิดทบทวนสิ่งที่เราเราพูดหรือ ทำในแต่ละวัน ฝึกทำความเข้าใจผู้คน เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความคิดคนก็ย่อมต่างกัน ยิ่งเราคาดหวังให้คนอื่นเป็นแบบที่เราหวัง จิตใจเราย่อมเกิดความไม่สงบ เพราะเราจะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เราไปคาดหวังในตัวคนอื่นจนตัวเองเกิดความทุกข์ และยิ่งจะทุกข์หนักขึ้นไปอีกถ้า สิ่งที่เราหวังนั้นไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้ เพราะฉะนั้นจงอย่าคาดหวังให้คนอื่นมาคิดเหมือนเรา แต่ตัวเราเองจงเปิดใจรับ-ฟัง ปรับตัวเอง และทำความเข้าใจ ทำจิตใจเรายืดหยุ่นบ้าง แข็งแกร่งบ้างตามสถานการณ์ จะทำใหเราผ่านเรื่องยากๆไปได้

 

4. อยู่กับสิ่งที่เราชอบ


ภาพจาก: Bessi/pixabay

หากคุณอยากมีความสุขจงเลือกอยู่กับสิ่งที่คุณชอบ เช่น ได้ทำงานที่ชอบ ในสภาพแวดล้อมที่ชอบ และรายล้อมไปด้วยผู้คนที่มีความคิดแบบเดียวกับเราแล้วเราจะมีความสุข ชอบอะไร ก็จง ทำสิ่งนั้น หรือถ้าตอนนี้ เราจำเป็นต้องอยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบ จงฝึกฝนและพัฒนาตัวเองให้เก่ง เพื่อที่เราจะได้มีตัวเลือกที่หลากหลาย และจงเลือกสิ่งที่ใช่ให้กับตัวเอง แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ให้ลองทำอะไรหลายๆอย่างดู เช่น ทำอาหาร ถ่ายรูป ออกแบบ วาดรูป ร้องเพลง ทำวิดิโอ ฯลฯ หากสนใจด้านไหน ก็ให้ฝึกฝนในด้านนั้นๆ จนเชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่ใช่ และดีที่สุดให้กับชีวิตของเรา

 

5. รู้จักแบ่งปัน


 ภาพจาก: DomAlberts/pixabay          

             การแบ่งบันถือเป็นเรื่องพื้นฐานของมนุษย์ เป็นการแสดงความเมตตาซึ่งกันและกัน การให้ไม่เพียงแต่เป็นการให้สิ่งของ บางทีอาจหมายถึงการแบ่งปันความสุขให้คนอื่นในรูปแบบต่างๆง่ายๆที่เราสามารถเช่น การยิ้มให้คนอื่นเป็นการส่งต่อความสุขเล็กๆน้อยๆระหว่างวัน การช่วยเหลือคนอื่นหยิบยื่นสิ่งที่เรามีให้เป็นประโยชน์ กับคนอื่นบ้าง หากมีใครขอความช่วยเหลือจากคุณ จงอย่ารีบตอบปฏิเสธเขาในทันที เพราะคุณอาจจะเป็นความหวังเดียวที่สามารถช่วยเขาในเรื่องนั้นๆก็ได้ เพราะถ้าเขาคิดว่าเราไม่สามารถช่วยได้ เขาคงไม่ขอความช่วยเหลือจากเรา เพราะฉะนั้นแล้วให้คุณรับไว้แล้วหาหนทางช่วยเขา ทั้งนี้เราจะให้ด้วยวิธีใดการอย่างไรก็ตาม แต่มีจุดประสงค์เดียวกันนั่นก็คือ ผู้รับเป็นสุข  เมื่อผู้รับมีความสุข ผู้ให้อย่างเราก็มีความสุขเช่นกัน


 

 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Telling the Numbers (1-50)

Telling the Time (การบอกเวลา)

Classroom Objects (สิ่งของในห้องเรียน)